แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 25
1
เว็บลงโฆษณาฟรี / หมอออนไลน์: เบาหวาน (Diabetes mellitus/DM)
« เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2025, 17:47:09 น. »
หมอออนไลน์: เบาหวาน (Diabetes mellitus/DM)

เบาหวาน เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนำน้ำตาลไปใช้ประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา

ในบ้านเราพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 9 ของประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และพบเป็นมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ผู้ที่มีอายุ 15-29 ปีพบได้ประมาณร้อยละ 2 ในขณะที่อายุ 60-69  ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละประมาณ 20

ผู้ที่เป็นเบาหวานมักมีประวัติว่ามีพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ และมักมีภาวะน้ำหนักเกินร่วมด้วย


สาเหตุ

เกิดจากความพบพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน

อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน (ส่วนที่เรียกว่า บีตาเซลล์) ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลหรือกลูโคสในเลือด (ซึ่งได้จากอาหารที่กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต ของหวาน) เข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกาย เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงานสำหรับการทำหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ

ผู้ที่เป็นเบาหวานจะพบว่าตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อยหรือไม่ได้เลย หรือผลิตได้ปกติ แต่ประสิทธิภาพของอินซูลินลดลง (เรียกว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ insulin resistance เช่นที่พบในคนอ้วน) เมื่อขาดอินซูลินหรืออินซูลินทำหน้าที่ไม่ได้ น้ำตาลในเลือดจึงเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ได้น้อยกว่าปกติ จึงเกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือด และน้ำตาลก็ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ จึงเรียกว่า เบาหวาน

ผู้ป่วยที่เป็นมาก คือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก มักจะมีอาการปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำออกมาด้วย จึงทำให้มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ก็ทำให้รู้สึกกระหายน้ำต้องคอยดื่มน้ำบ่อย ๆ และเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงานจึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

นอกจากนี้ การมีน้ำตาลในเลือดสูงนาน ๆ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนมากมาย

เบาหวานสามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ซึ่งมีสาเหตุ ความรุนแรง และการรักษาต่างกัน ที่สำคัญได้แก่

1. เบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus) เป็นชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและอันตรายสูง มักพบในเด็กและผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ก็อาจพบในผู้สูงอายุได้บ้าง ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้จะผลิตอินซูลินไม่ได้เลยหรือได้น้อยมาก เชื่อว่าร่างกายมีการสร้างสารภูมิต้านทานขึ้นต่อต้านทำลายตับอ่อนของตนเองจนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune) ทั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ร่วมกับการติดเชื้อ หรือการได้รับสารพิษจากภายนอก

ผู้ป่วยจะมีรูปร่างผอม มีอาการของโรคชัดเจน และจำเป็นต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินเข้าทดแทนทุกวันไปตลอดชีวิต จึงจะสามารถเผาผลาญน้ำตาลได้เป็นปกติ มิเช่นนั้นร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันแทนจนทำให้ผ่ายผอมอย่างรวดเร็ว และถ้าเป็นรุนแรงจะมีการคั่งของสารคีโตน (ketones) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญไขมัน สารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้ผู้ป่วยหมดสติถึงตายได้รวดเร็ว เรียกว่า ภาวะคั่งสารคีโตน (ketosis)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน (insulin-dependent diabetes mellitus/IDDM)

2. เบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) เป็นเบาหวานชนิดที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักมีความรุนแรงน้อย มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มพบในเด็ก/วัยรุ่นมากขึ้น ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้ยังสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือผลิตได้พอ แต่เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน จึงทำให้มีน้ำตาลคั่งในเลือดกลายเป็นเบาหวานได้ ผู้ป่วยชนิดนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน สาเหตุอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรืออ้วนเกินไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการชัดเจน และมักไม่เกิดภาวะคีโตซีสเช่นที่เกิดกับชนิดที่ 1 การควบคุมอาหารหรือการใช้ยาเบาหวานชนิดกิน มักได้ผลในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ หรือบางครั้งถ้าระดับน้ำตาลสูงมาก ๆ ก็อาจต้องใช้อินซูลินฉีดเป็นครั้งคราว ยกเว้นในรายที่ดื้อต่อยากินอาจต้องใช้อินซูลินตลอดไป

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes mellitus /NIDDM) และเนื่องจากเป็นกลุ่มที่พบได้บ่อย เมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน จึงมักหมายถึงเบาหวานชนิดนี้

3. เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะอื่น ๆ อาทิ

    เกิดจากยา เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะไทอาไซด์ กรดนิโคตินิก ฮอร์โมนไทรอยด์
    พบร่วมกับโรคหรือภาวะผิดปกติทางกรรมพันธุ์ เช่น

          - พบร่วมกับโรคติดเชื้อ เช่น คางทูม หัดเยอรมันโดยกำเนิด โรคติดเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (cytomegalovirus)
          - พบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด โรคคุชชิง กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง อะโครเมกาลี (acromegaly) ฟีโอโครโมไซโตมา (pheochromocytoma ซึ่งเป็นเนื้องอกของต่อมหมวกไตชนิดหนึ่ง)

ถ้าเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น ผ่าตัดเนื้องอกออกไป หรือหยุดยาที่เป็นต้นเหตุ โรคเบาหวานก็สามารถหายได้

4. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM) ขณะตั้งครรภ์รกสร้างฮอร์โมนหลายชนิดซึ่งเข้าไปในร่างกายหญิงตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นเหตุให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนกลายเป็นเบาหวานได้ หลังคลอดระดับน้ำตาลในเลือดมารดามักจะกลับสู่ปกติ

หญิงกลุ่มนี้อาจคลอดทารกตัวโต (น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กก.) มักเป็นเบาหวานซ้ำอีกเมื่อตั้งครรภ์ใหม่ และมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเรื้อรังตามมาในระยะยาว


อาการ

ในรายที่เป็นไม่มาก ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายดีและไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะ หรือตรวจเลือดขณะไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น หรือจากการตรวจเช็กสุขภาพ

ในรายที่เป็นมาก ระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 1 และบางส่วนของเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นถึงขั้นรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยและออกครั้งละมาก ๆ กระหายน้ำบ่อย หิวบ่อยหรือกินข้าวจุ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง บางรายอาจสังเกตว่าปัสสาวะมีมดขึ้น

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นรวดเร็วร่วมกับน้ำหนักตัวลดลงฮวบฮาบ (กินเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน) ผู้ป่วยเด็กบางรายอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน ผู้ป่วยบางรายอาจมาโรงพยาบาลด้วยอาการหมดสติด้วยภาวะคีโตแอซิโดชิส (ketoacidosis) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอายุน้อยและรูปร่างผอม

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดงชัดเจน ส่วนน้อยจะมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น น้ำหนักตัวอาจลดลงบ้างเล็กน้อย บางรายอาจมีน้ำหนักขึ้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนอยู่แต่เดิม ในรายที่เป็นเรื้อรังมานาน (ทั้งที่มีอาการหรือไม่มีอาการปัสสาวะบ่อยมาก่อน) อาจมีอาการคันตามตัว เป็นฝีหรือโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังบ่อย หรือเป็นแผลเรื้อรัง หรืออาจมาพบแพทย์ด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ชาหรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ตามัวลงทุกที หรือต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อย เจ็บจุกหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดกับผู้ป่วยเบาหวานที่ปล่อยปละละเลย ขาดการรักษา หรือดูแลรักษาไม่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อนมีทั้งประเภทเฉียบพลัน (เช่น หมดสติ ติดเชื้อรุนแรง) และประเภทเรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อนประเภทเรื้อรัง มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน (บางคนอาจใช้เวลา 5-10 ปีขึ้นไป) ทำให้หลอดเลือดแดงทั้งขนาดเล็กและใหญ่แข็งและตีบตัน ส่งผลให้อวัยวะหลายส่วน (เช่น ตา ไต ระบบประสาท เท้า สมอง หัวใจ) ขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นเหตุให้อวัยวะเหล่านี้เสื่อมสมรรถภาพ พิการ หรือเสียหน้าที่

ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคต่ำ (เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคได้น้อยลง)

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะอื่น ๆ เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกหลากหลาย

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหรือพบบ่อย ได้แก่

1. ภาวะหมดสติจากเบาหวาน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้

สาเหตุที่พบได้บ่อย คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะพบในผู้ป่วยเบาหวานที่กินยาหรือฉีดยาเบาหวานสม่ำเสมอ หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ค่อนข้างดีอยู่แต่เดิม ภาวะแทรกซ้อนชนิดนี้มักเกิดจากผู้ป่วยใช้ยาเบาหวานเกินขนาด อดอาหาร กินอาหารน้อยเกินไป หรือกินอาหารผิดเวลานานเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือมีการออกแรงกายหนักและนานเกินไป

อาการ ในระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกหิว ใจสั่น มือสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หงุดหงิด กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน ถ้าผู้ป่วยรีบกินน้ำตาลหรือน้ำหวาน อาการต่าง ๆ จะทุเลาได้ภายในเวลาสั้น ๆ แต่หากไม่ทำการแก้ไขดังกล่าว ก็จะมีอาการขากรรไกรแข็ง ชักเกร็ง ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือหมดสติ ตรวจเลือดจะพบว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจปัสสาวะจะไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะ (ดูรายละเอียดใน “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ”)

นอกจากนี้ ภาวะหมดสติจากเบาหวาน ยังอาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่

    ภาวะคีโตแอซิโดซิส (ketoacidosis) พบเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ขาดการฉีดอินซูลินนาน ๆ หรือพบในภาวะติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งร่างกายต้องการอินซูลินมากขึ้นร่างกายจะมีการเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลทำให้เกิดการคั่งของสารคีโตนในเลือด จนเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (เรียกว่า diabetic ketoacidosis/DKA) ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำอย่างมาก หายใจหอบลึก และลมหายใจมีกลิ่นหอม (กลิ่นของสารคีโตน) มีไข้ กระวนกระวาย มีภาวะขาดน้ำรุนแรง (ตาโบ๋ หนังเหี่ยว ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว) อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดสติ จะตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูง พบน้ำตาลในปัสสาวะและพบสารคีโตนในเลือดและในปัสสาวะ
    ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรง (non-ketotic hyperglycemic hyperosmolar coma/NKHHC) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นโรคโดยไม่รู้ตัว หรือที่ขาดการรักษา หรือมีภาวะติดเชื้อรุนแรง (เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบ โลหิตเป็นพิษ) หรือมีการใช้ยาบางชนิด (เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ) ร่วมด้วย ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ๆ (สูงเกิน 600 มก./ดล. ขึ้นไป) ผู้ป่วยจะเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง ซึม เพ้อ ชัก หมดสติ โดยก่อนหน้าจะหมดสติเป็นวันหรือสัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย

2. การติดเชื้อ ผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นโรคติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเป็นการติดเชื้อซ้ำซาก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กลาก โรคเชื้อราเคนดิดา ช่องคลอดอักเสบ เป็นฝีหรือพุพอง เป็นต้น อาจจะเป็นการติดเชื้อรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หูชั้นนอกอักเสบรุนแรง เท้าเป็นแผลติดเชื้อซึ่งอาจลุกลามจนเท้าเน่า เป็นต้น หรืออาจจะเป็นโรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรคปอด

3. ภาวะแทรกซ้อนของตา ที่สำคัญคือ จอประสาทตาเสื่อม (retinopathy) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาและหลอดเลือดในบริเวณนี้เกิดความผิดปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติ จนกระทั่งเป็นมากแล้วก็จะเกิดอาการตามัว ตาบอดได้ ดังนั้นจึงควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็กตาปีละครั้ง (ผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรตรวจตาตั้งแต่อายุครรภ์ 3 เดือนแรก และตรวจเป็นระยะจนกระทั่งหลังคลอด 1 ปี เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมมากขึ้น) ถ้าพบเป็นตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะได้ให้การรักษา (ประกอบด้วยการยิงเลเซอร์ไปที่หลอดเลือดที่ผิดปกติ) ป้องกันตาบอด

นอกจากนี้ ยังอาจพบว่าผู้ป่วยเบาหวานเป็นต้อกระจกก่อนวัย หรือต้อหินเรื้อรัง เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) จอตาลอก หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ตาบอดได้

4. ภาวะแทรกซ้อนของไต ที่สำคัญ คือ ไตเสื่อม หรือไตวายเรื้อรัง (nephropathy หรือ chronic renal failure) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงไต ทำให้ไตเสื่อมลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ ในระยะแรกจะพบว่ามีสารไข่ขาว (แอลบูมิน) หลุดออกมาในปัสสาวะจำนวนน้อย (30-299 มก./วัน ซึ่งเรียกว่า microalbuminuria) ระยะนี้ยังมีทางบำบัดเพื่อป้องกันภาวะไตเสื่อมได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสารไข่ขาวในปัสสาวะอย่างน้อยปีละครั้ง หากปล่อยปละละเลยจนไตเสื่อมถึงที่สุด ก็จะกลายเป็นไตวายเรื้อรัง ซึ่งในที่สุดอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) หรือผ่าตัดปลูกถ่ายไต

5. ภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท ได้แก่ ระบบประสาทเสื่อม (neuropathy) เนื่องจากหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงระบบประสาทเกิดการแข็งและตีบ ถ้าเกิดกับประสาทส่วนปลายที่เลี้ยงแขนขา ในระยะแรกอาจมีอาการปลายมือปลายเท้าแสบร้อน หรือเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง มักเป็นมากตอนกลางคืน จนบางรายนอนไม่หลับ อาการจะทุเลาหรือหายได้เมื่อคุมเบาหวานได้ดี

ถ้าปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงต่อไปนาน ๆ ก็จะเกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า ซึ่งจะค่อย ๆ ลุกลามสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ (คล้ายใส่ถุงมือถุงเท้า) อาการชาดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่หายแม้ว่าต่อมาจะคุมเบาหวานได้ดีขึ้นก็ตาม จนในที่สุดจะไม่มีความรู้สึก จึงเกิดบาดแผลที่เท้าง่ายเมื่อเหยียบถูกของมีคมหรือของร้อน ๆ หรือถูกของแหลมทิ่มตำ เมื่อเกิดบาดแผลก็มีโอกาสติดเชื้ออักเสบเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ และเนื่องจากมีภาวะขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ทำให้แผลหายยาก บางครั้งอาจลุกลามรุนแรง หรือเป็นเนื้อเน่าตาย (gangrene) จำเป็นต้องตัดนิ้วเท้าหรือข้อเท้า เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยเบาหวานควรหมั่นดูแลเท้าอย่าให้เกิดบาดแผล และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะเสริมให้หลอดเลือดแข็งและตีบมากขึ้น

บางรายอาจมีประสาทเลี้ยงกล้ามเนื้อตาเสื่อม ทำให้กล้ามเนื้อตาเป็นอัมพาต มีอาการตาเหล่ หนังตาตก หลับตาไม่สนิท รูม่านตาขยาย มองเห็นภาพซ้อน อาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 6-12 สัปดาห์

นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสื่อมของระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic neuropathy) ซึ่งควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะจากภาวะความดันตกในท่ายืน อาการอาหารไม่ย่อยหรือแสบลิ้นปี่จากโรคกรดไหลย้อน ปวดท้อง ท้องเดิน หรือท้องผูกเรื้อรังจากโรคลำไส้แปรปรวน กระเพาะปัสสาวะหย่อนสมรรถภาพ (ทำให้ถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง) ต่อมเหงื่อไม่ทำงาน (ทำให้ผิวแห้ง) องคชาตไม่แข็งตัว (erectile dysfunction ซึ่งนอกจากเกิดจากประสาทที่ไปเลี้ยงองคชาตเสื่อมแล้ว ยังเป็นผลมาจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงองคชาตเกิดการแข็งและตีบอีกด้วย)

6. ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ ๆ ได้แก่ หัวใจ สมอง ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ อ้วน สูบบุหรี่ เป็นต้น ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขาและเท้าก็เกิดการตีบตันได้ เรียกว่า "โรคหลอดเลือดแดงขาตีบ" มีภาวะเลือดไปเลี้ยงขาและเท้าไม่พอ ทำให้เกิดอาการปวดขาเวลาเดิน และอาจพบเป็นตะคริวตอนกลางคืนได้บ่อย

7. ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ผู้ป่วยเบาหวานยังอาจเป็นปัจจัยของการเกิดโรคอื่น ๆ อีก เช่น สมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ภาวะซึมเศร้า หูตึง ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง นิ่วน้ำดี เส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย) ได้ ภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ) รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อนมากขึ้น


การวินิจฉัย

สำหรับคนทั่วไป (ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์) หากมีอาการของเบาหวาน (เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย) หรือไม่มีอาการแต่ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะหรือน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หรือเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อโรคนี้ (เช่น อ้วน มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน) ควรส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ดังนี้

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการแสดง ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบเจาะที่แขน (venous blood) หลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (fasting plasma glucose/FPG) ซึ่งสามารถแปลผล ดังนี้

    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าต่ำกว่า 100 มก./ดล. ถือว่าปกติ
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าเท่ากับ 100-125 มก./ดล. ถือว่าเป็นระดับน้ำตาลสูงผิดปกติ (impaired fasting glucose/IFG) เรียกว่า กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน  (categories of increased risk for diabetes) ควรตรวจยืนยันด้วยการทดสอบความทนต่อน้ำตาล (oral glucose tolerance test/OGTT)*
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมงมีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ให้สงสัยว่าอาจเป็นเบาหวาน ควรทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (FPG หรือ OGTT แล้วแต่กรณี) ซ้ำอีกครั้งในวันหลัง ถ้ายังมีค่าสูงอยู่ในระดับดังกล่าวอีกก็วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

นอกจากนี้ ยังสามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานจากการตรวจพบระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 6.5%** จากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน

2. กรณีผู้ป่วยมีอาการชัดเจน ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ คือ ตรวจได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด ถ้าพบว่ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ก็สามารถวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเบาหวาน (สำหรับหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์)***

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการของโรคเบาหวาน จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (FPG) มีค่าเท่ากับ 126 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ข. ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับ 6.5% หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ค. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง (2-hr plasma glucose) จากการทดสอบความทนต่อกลูโคส (OGTT) โดยการดื่มกลูโคส 75 กรัม มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน


2. กรณีผู้ป่วยมีอาการของโรคเบาหวานชัดเจน เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเมื่อ

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ (random plasma glucose) มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่า จากการตรวจเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาใดก็ได้

เกณฑ์การตรวจกรองโรคเบาหวานในผู้ที่ไม่มีอาการแสดง

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกาย ≥ 23 กก./ม² ถ้าตรวจพบเป็นปกติ ให้ตรวจซ้ำทุก 3 ปี

2. ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ควรตรวจกรองเบาหวานเมื่ออายุต่ำกว่า 35 ปี หรือควรกรองให้ถี่ขึ้น

    ขาดการออกกำลังกาย
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นเบาหวาน
    เคยตรวจพบว่ามีภาวะเบาหวานแฝง (ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงมีค่า 100-125 มก./ดล. หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 75 กรัมไปแล้ว 2 ชั่วโมง มีค่า 140 -199 มก./ดล.)
    เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) หรือคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4 กก.
    มีความดันโลหิตสูง (≥ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป)
    มีไขมันเอชดีแอล (HDL) <35 มก./ดล. และ/หรือไตรกลีเซอไรด์ >250 มก./ดล.
    มีโรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำ (acanthosis nigricans****) เป็นต้น
    มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดแข็งและตีบ (vacular disease)

* วิธีทดสอบ ให้ผู้ป่วยอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อน 1 ครั้ง แล้วให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มน้ำตาลไปแล้ว 1, 2 และ 3 ชั่วโมง โดยทั่วไปนิยมใช้ค่าน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคสไปแล้ว 2 ชั่วโมง เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัย (ค่าปกติต่ำกว่า 140 มก./ดล. ถ้ามีค่า 140-199 มก./ดล. ถือว่าเป็น “กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน” ถ้ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไปถือว่าเป็นเบาหวาน) วิธีนี้จะใช้เฉพาะในรายที่ตรวจพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารสูงผิดปกติ (IFG) และหญิงหลังคลอดที่เคยตรวจพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM)
ในการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าผู้ป่วยมีประวัติกินยาที่อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงอยู่ก่อน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาเม็ดคุมกำเนิด สเตียรอยด์ กรดนิโคตินิก เฟนิโทอิน เป็นต้น ควรให้ผู้ป่วยงดยาก่อนที่จะทำการตรวจเลือด

** ค่าปกติต่ำกว่า 5% ถ้ามีค่า 5.7-6.4% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน

***สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ใช้เกณฑ์ข้อที่ 1 ก. และ 2 ก. ในการวินิจฉัยได้เช่นเดียวกัน
ส่วนระดับน้ำตาลในเลือดจากการทดสอบความทนต่อกลูโคส โดยการดื่มกลูโคส 100 กรัม (100 g OGTT) ใช้เกณฑ์ดังนี้
1. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ≥ 95 มก./ดล.
2. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 1 ชั่วโมง ≥ 180 มก./ดล.
3. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง ≥ 155 มก./ดล.
4. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 3 ชั่วโมง ≥ 140 มก./ดล.
การวินิจฉัยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ต้องมีค่าน้ำตาลสูงตามเกณฑ์ดังกล่าว ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป

**** ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำคล้ายกำมะหยี่ พบบ่อยที่บริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อนิ้วมือ ใต้นม ต้นขาด้านใน รอบช่องคลอด เป็นต้น ซึ่งมักเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง (แบบสมมาตร) บางครั้งอาจมีติ่งหนัง (skin tag) อยู่ในหรือรอบ ๆ บริเวณที่เป็นปื้นหนา

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


4
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19: ขั้นตอนปฏิบัติ เมื่อทราบว่าติดเชื้อโควิด-19

เมื่อคุณทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้คุณและคนรอบข้างปลอดภัย ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลยค่ะ

1. แยกกักตัวทันที
ทันทีที่ทราบผลว่าติดเชื้อ ให้แยกตัวเองออกจากผู้อื่นในบ้านโดยเร็วที่สุด หากเป็นไปได้ควรแยกห้องนอนและห้องน้ำเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว


2. สังเกตอาการและดูแลตัวเอง

อาการของโควิด-19 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้

พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วที่สุด

ดื่มน้ำมากๆ: ดื่มน้ำเปล่า, น้ำผลไม้, หรือน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

ใช้ยารักษาตามอาการ: หากมีไข้ให้รับประทาน ยาพาราเซตามอล หากมีอาการไอให้ใช้ ยาแก้ไอ หรือยาอมแก้เจ็บคอ

สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากมีอาการที่บ่งบอกว่าอาการเริ่มรุนแรงขึ้น เช่น หายใจหอบเหนื่อย, หายใจลำบาก, เจ็บแน่นหน้าอก, หรือ ซึมลง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


3. แจ้งบุคคลใกล้ชิด

แจ้งให้ทุกคนที่คุณได้ใกล้ชิดในช่วง 1-2 วันก่อนมีอาการป่วยทราบ เพื่อให้พวกเขาเฝ้าระวังอาการและพิจารณาตรวจหาเชื้อ


4. ป้องกันการแพร่เชื้อในบ้าน

สวมหน้ากากอนามัย: สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ล้างมือบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ

ใช้ของส่วนตัวแยกจากผู้อื่น: แยกช้อน ส้อม จาน แก้วน้ำ และผ้าเช็ดตัว

ทำความสะอาดพื้นผิว: หมั่นทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู หรือรีโมตทีวี


5. สิ้นสุดการแยกกักตัว

โดยทั่วไป ผู้ติดเชื้อสามารถสิ้นสุดการกักตัวได้เมื่ออาการดีขึ้นและไม่มีไข้มาแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องใช้ยาลดไข้ และเมื่ออาการไอและอาการอื่นๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 5-7 วันหลังเริ่มมีอาการ

การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยลดการแพร่เชื้อและทำให้คุณกลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้ในเร็ววันค่ะ

5
จัดฟันบางนา: เคล็ดลับ วิธีรับมือ “ฟันโยก”

ฟันโยก คืออาการฟันคลอนเหมือนใกล้จะหลุด ซึ่งมักจะเจอในวัยเด็กและอาจจะเป็นสัญญาณของโรคเหงือกและฟัน หากเกิดกับผู้ใหญ่ ถ้าเกิดอาการฟันโยก ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจทันที เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาใหญ่ตามมา

อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นร่วมกับฟันโยก ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพเหงือกและฟัน นั่นก็คือ มีเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวมหรือมีสีแดงสด เหงือกร่น ซึ่งอาการฟันโยก
หากเกิดในวัยเด็กถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นพัฒนาการตามวัยของเขา

แต่ถ้าหากเกิดในผู้ใหญ่ก็อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นการกัดฟัน หรือเป็นสัญญาณเตือนของโรคเหงือกในระยะที่รุนแรง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เหงือก และรวมไปถึงเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณใกล้เคียง ทั้งหมดนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการฟันโยก ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที


การดูแลรักษารากฟันเทียม ทำได้ยากหรือไม่

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางตัดกรรมอย่างหนึ่งที่ ช่วยให้ผู้ที่ต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไปให้กลับมามีฟันที่สวยงามได้อีกครั้ง ซึ่งรากฟันเทียมนั้น เป็นวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันซึ่งทำมาจากไททาเนี่ยม เป็นวัสดุที่สามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี ใช้สำหรับฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม เพื่อช่วยให้การทำรากฟันเทียมนั้น สามารถติดแน่นได้ ในปัจจุบันการสวมใส่รากฟันเทียมนั้น ถือว่าเป็นวิธีการใส่ฟันที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งในแต่ก่อนมักจะนิยมใช้วิธีการสวมใส่ฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ซึ่งการสวมใส่ฟันปลอมนั้นก็มีข้อผิดพลาดและ สามารถใช้งานได้ไม่ดีเท่ากับรากฟันเทียม เพราะการสวมใส่ฟันปลอมนั้น ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของฟันปลอมคับหรือหลวมจนเกินไป ทำให้รับประทานอาหารได้ไม่สะดวกและส่งผลอาจจะทำให้เกิดแผลภายในช่องปากได้


และในปัจจุบันนี้การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มาทดแทน การสวมใส่ฟันปลอมและยังเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดยมีข้อดีก็คือการฝังรากฟันเทียมนั้น จะช่วยทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกลัวว่าฟันปลอมจะหลุดขณะรับประทานอาหาร รวมไปถึง วิธีการดูแลรักษาก็ไม่ต้องซับซ้อนเหมือนกับการดูแลรักษาฟันปลอม ในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการดูแลรักษารากฟันเทียม ซึ่งใครที่กำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ก็อาจจะมีข้อสงสัยว่ารากฟันเทียมนั้นมีวิธีการดูแลอย่างไรและดูแลได้ยากหรือไม่ ซึ่งการดูแลรักษารากฟันเทียมนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาด้วยว่าจะมีวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างไร

ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนการดูแลรักษารากฟันเทียมนั้น เราจะมาพูดถึงข้อดีของรากฟันเทียมก่อนสำหรับข้อดีของรากฟันเทียมนั้นก็คือ ช่วยเพิ่มความมั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพและทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันเทียมที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด สามารถบดเคี้ยวและรับประทานอาหารได้ดี ไม่มีปัญหาในเรื่องของการออกเสียง หากเมื่อเทียบกับการทำฟันปลอมแล้ว นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องทำการกรอกฟันข้างเคียง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียงได้ด้วย


หากพูดถึงในแง่ของความสวยงาม การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ถือเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี มีความคงทนถาวร รวมไปถึง ช่วยแก้ไขปัญหาฟันเทียมขยับระหว่างพูดคุยหรือรับประทานอาหารอีกด้วย สำหรับขั้นตอนการดูแลรักษารากฟันเทียมที่หลายคนสงสัยว่า สามารถทำได้วิธีใด ต้องบอกเลยว่าการดูแลรักษารักฟันเทียมก็สามารถทำได้ ด้วยการแปรงฟันให้สะอาด รวมไปถึงการใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย หากเราดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันได้ดีและถูกวิธีก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียมได้ด้วย

เนื่องจากรากฟันเทียมนั้นทำมาจากวัสดุไทเทเนี่ยมที่มีความคงทน แต่อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของรากฟันเทียมก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของผู้เข้ารับการรักษาด้วย หากรากฟันเทียมไม่ผุ แต่หากเกิดโรคเหงือกอักเสบ ก็อาจจะทำให้รากฟันเทียมเกิดการหลุดหรือติดเชื้อได้ ดังนั้น การดูแลรักษารากฟันเทียม ก็เหมือนกับการดูแลรักษาฟันธรรมชาติของเรา นอกจากนี้ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำ หากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์รากฟันเทียมนั้นก็จะอยู่ได้อย่างถาวรโดยไม่เกิดปัญหาใดๆ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปาก หากใครสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

6
14 เทคนิคของตกแต่งบ้าน รู้แล้วแต่งบ้านเองได้ ไม่สิ้นเปลือง

บ้านคือสถานที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่เกือบตลอดเวลา การแต่งบ้านให้สวยงามและน่าอยู่จึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเสมอไป ลองนำ 14 เทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าคุณก็สามารถแต่งบ้านเองได้ง่ายๆ และประหยัดงบประมาณค่ะ

เทคนิคการวางแผนและจัดสรรพื้นที่

กำหนดสไตล์ที่ใช่: ก่อนจะเริ่มซื้อของ ให้ตัดสินใจเลือกสไตล์การแต่งบ้านที่ชอบก่อน เช่น มินิมอล, โมเดิร์น หรือวินเทจ จะช่วยให้คุณซื้อของได้ตรงตามธีมและไม่สิ้นเปลือง

สำรวจพื้นที่และวัดขนาด: วัดขนาดห้อง, หน้าต่าง, ประตู และตำแหน่งปลั๊กไฟให้ละเอียด จะช่วยให้คุณเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้พอดีกับพื้นที่

หาแรงบันดาลใจ: ลองดูไอเดียจากนิตยสาร, Pinterest, หรือเว็บไซต์แต่งบ้าน จะช่วยให้คุณได้ไอเดียใหม่ๆ และเห็นภาพรวมของห้องมากขึ้น

ของตกแต่งที่มีหลายฟังก์ชัน: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น โซฟาเบดที่สามารถใช้เป็นเตียงนอนได้ หรือโต๊ะกลางที่มีช่องเก็บของในตัว


เทคนิคการจัดวางและตกแต่ง

สร้างจุดเด่นให้ห้อง: เลือกของตกแต่งเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นมาเป็นจุดเด่นของห้อง เช่น ภาพศิลปะขนาดใหญ่, โคมไฟดีไซน์เก๋ หรือโซฟาสีสดใส

ใช้กระจกช่วยพรางตา: การติดกระจกในห้องจะช่วยสะท้อนแสง ทำให้ห้องดูกว้างขวางและโปร่งโล่งขึ้น

ใช้ผ้าม่านและพรม: การใช้ผ้าม่านและพรมจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นและทำให้ห้องมีมิติมากขึ้น ควรเลือกสีและลวดลายให้เข้ากับโทนสีของห้อง

เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้: ต้นไม้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ห้องดูมีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยฟอกอากาศและทำให้บ้านดูน่าอยู่ขึ้นด้วย


เทคนิคการใช้สีและแสง

เล่นกับสีผนัง: ลองทาสีผนังเพียงหนึ่งด้านในห้องด้วยสีที่แตกต่างจากผนังอื่นๆ เพื่อสร้างจุดสนใจและทำให้ห้องดูน่าสนใจขึ้น

ใช้โทนสีอ่อนเพื่อความโปร่งโล่ง: การเลือกใช้โทนสีอ่อน เช่น ขาว, ครีม, เทาอ่อน จะช่วยทำให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้น

สร้างบรรยากาศด้วยแสง: การใช้แสงหลายๆ แบบในห้อง เช่น ไฟเพดาน, โคมไฟตั้งโต๊ะ, หรือโคมไฟตั้งพื้น จะช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละมุมของห้อง


เทคนิคการจัดเก็บและประหยัดงบ

จัดระเบียบของให้เป็นที่เป็นทาง: การจัดระเบียบของในห้องจะช่วยให้บ้านดูสะอาดเรียบร้อยและกว้างขึ้น

DIY ของตกแต่ง: ลองนำของเก่าที่มีมาทำใหม่ เช่น การเพ้นท์กระถางต้นไม้, การทำกรอบรูปจากไม้เก่า, หรือการทำโคมไฟด้วยตัวเอง จะช่วยให้ได้ของตกแต่งที่ไม่เหมือนใครและประหยัดงบ

ใช้ของมือสอง: ลองมองหาของมือสองจากตลาดนัด, ร้านขายของเก่า, หรือช่องทางออนไลน์ เพราะบางครั้งคุณอาจจะได้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งคุณภาพดีในราคาที่ถูกกว่ามาก

7
ข้าวกะเพราหมูยอ ทำขายเป็นอาชีพเสริม เมนูอาหารตามสั่งรสจัดจ้านเผ็ดร้อนทำง่าย วัตถุดิบน้อย

เมื่อพูดถึงอาหารริมทางของไทยหนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือข้าวกะเพราซึ่งเป็นอาหารผัดกะเพราที่มีกลิ่นหอมและเผ็ดร้อน โดยแบบดั้งเดิมแล้วจะทำจากหมู ไก่หรืออาหารทะเล จานนี้ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและรสชาติที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ตามข้าวกะเพราหมูยอเป็นอีกเมนูหนึ่งที่มีเอกลักษณ์และอร่อย โดยใช้หมูยอซึ่งเป็นไส้กรอกหมูสไตล์เวียดนาม

ข้าวกะเพราหมูยอเป็นอาหารจานเดียวที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย มีส่วนผสมหลักคือหมูยอ ใบกะเพรา พริก กระเทียม และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ นิยมเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ และอาจมีไข่ดาวหรือไข่เจียวเป็นเครื่องเคียง

หมูยอ คืออะไร?
หมูยอเป็นไส้กรอกหมูเวียดนามเนื้อเนียน แน่น และเคี้ยวหนึบเล็กน้อย ทำจากเนื้อหมูบดละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกไทย และเครื่องเทศอื่นๆ หมูยอมักจะนึ่งหรือต้ม และมักเสิร์ฟในก๋วยเตี๋ยวหรือสลัดไทย เมื่อผัดกับกะเพรา กระเทียม และพริก หมูยอจะดูดซับรสชาติอันเข้มข้นของอาหารจานนี้ ทำให้ได้ประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และอร่อย

ทำไมคุณควรลองข้าวกะเพราหมูยอ
เนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ – หมูยอมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและเด้งเล็กน้อยซึ่งแตกต่างจากหมูสับหรือไก่ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับประทาน
รสชาติสมดุลดี – หมูยอรสอ่อนๆ และเค็มเล็กน้อยเข้ากันได้อย่างลงตัวกับรสชาติเผ็ดและหอมของผัดโหระพา
อาหารจานด่วนและง่ายดาย – มักพบอาหารจานนี้ตามแผงขายอาหารริมถนนและร้านอาหารไทย ทำให้เป็นตัวเลือกที่สะดวกสำหรับมื้ออาหารด่วนและมีรสชาติอร่อย
ปรับแต่งได้ – คุณสามารถปรับระดับความเผ็ด เพิ่มไข่ดาวด้านบน หรือจับคู่กับผักสดเพื่อเป็นมื้ออาหารที่ครบถ้วน

วิธีการทำ
วิธีทำข้าวกะเพราหมูยอจะคล้ายๆ กับผัดกะเพราแบบคลาสสิก ดังนี้
ผัดกระเทียมและพริกในน้ำมันร้อนจนมีกลิ่นหอม
ใส่หมูยอหั่นชิ้นลงไป ผัดพอเหลืองเล็กน้อย
ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำปลาเพื่อรสชาติอูมามิที่เข้มข้น
ใส่ใบโหระพาสดลงไปแล้วผัดจนสลด
เสิร์ฟบนข้าวหอมมะลิร้อนๆหรือจะโรยด้วยไข่ดาวกรอบก็ได้

จะหาได้ที่ไหน
ข้าวกะเพราหมูยอมีขายตามร้านอาหารข้างทาง ศูนย์อาหาร และร้านอาหารท้องถิ่นหลายแห่ง หากคุณชอบความท้าทาย ก็สามารถลองทำข้าวกะเพราหมูยอสดๆ จากตลาดเอเชียเองที่บ้านได้

สำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาอาหารไทยคลาสสิกแบบใหม่ๆข้าวกะเพราหมูยอเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม การผสมผสานความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมของใบกะเพรากับเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของไส้กรอกหมูเวียดนาม มอบรสชาติที่ทั้งน่าพอใจและเต็มอิ่ม ลองสักครั้งแล้วอาจกลายเป็นอาหารไทยจานโปรดของคุณก็ได้


8
เว็บลงโฆษณาฟรี / หมอออนไลน์: กุ้งยิง (Sty/Stye/Hordeolum)
« เมื่อ: วันที่ 14 สิงหาคม 2025, 19:48:45 น. »
หมอออนไลน์: กุ้งยิง (Sty/Stye/Hordeolum)

กุ้งยิง หมายถึง ตุ่มฝีเล็ก ๆ ที่เกิดที่ขอบเปลือกตา ซึ่งอาจพบได้ที่เปลือกตาบนและล่าง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1. กุ้งยิงชนิดหัวผุด (external hordeolum/sty/stye) เป็นการอักเสบของต่อมเหงื่อ (gland of Moll) บริเวณผิวหนังตรงโคนขนตา จะเป็นหัวฝีผุดให้เห็นชัดเจน ตรงบริเวณขอบตา

2. กุ้งยิงชนิดหลบใน (internal hordeolum) เป็นการอักเสบของต่อมไขมัน (meibomian gland) บริเวณเยื่อบุเปลือกตา (เยื่อเมือกอ่อนสีชมพู มองเห็นเวลาปลิ้นเปลือกตา) หัวฝีจะหลบซ่อนอยู่ด้านในของเปลือกตา

บางครั้งต่อมไขมันบริเวณเยื่อบุเปลือกตาอาจมีการอุดตันของรูเปิดเล็ก ๆ ทำให้มีเนื้อเยื่อรวมตัวอยู่ภายในต่อม กลายเป็นตุ่มนูนแข็ง ไม่เจ็บปวดอะไร เรียกว่า ตาเป็นซิสต์ (chalazion) บางครั้งอาจมีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ คล้ายเป็นกุ้งยิงชนิดหัวหลบในได้ เมื่อหายอักเสบ ตุ่มซิสต์ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม


สาเหตุ

กุ้งยิงเกิดจากต่อมเหงื่อหรือต่อมไขมันที่โคนขนตามีการอุดตัน และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส เป็นส่วนใหญ่ จนกลายเป็นตุ่มฝีขึ้นมา มักเริ่มจากการมีฝุ่นหรือเชื้อโรคเข้าตา แล้วใช้มือที่ไม่สะอาดขยี้ตา ทำให้ต่อมที่เปลือกตาอุดตันและอักเสบ

เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย จะพบมากในเด็กอายุ 4-10 ปี

ปัจจัยที่เสริมให้เป็นกุ้งยิงได้ง่าย เช่น

    ไม่รู้จักรักษาความสะอาด เช่น ปล่อยให้ผิวหนัง มือ และเสื้อผ้าสกปรก
    มีความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ตาเข เป็นต้น
    สุขภาพทั่วไปไม่ดี เช่น เป็นโรคเรื้อรัง ขาดอาหาร ฟันผุ ไซนัสอักเสบ อดนอน เป็นต้น
    มีภาวะที่ทำให้ติดเชื้อง่าย เช่น เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เบาหวาน กินยาสเตียรอยด์นาน ๆ เป็นต้น


อาการ

มีอาการปวดที่เปลือกตา มีลักษณะปวดตุบ ๆ เฉพาะที่จุดใดจุดหนึ่ง เวลาก้มศีรษะต่ำกว่าระดับเอว จะปวดมากขึ้น และพบว่าบริเวณนั้นขึ้นเป็นตุ่มแข็ง แตะถูกเจ็บ ต่อมาค่อยๆ นุ่มลง บางครั้งมีหนองนูนเป่ง เห็นเป็นหัวขาว ๆ เหลือง ๆ โดยมากจะขึ้นเพียงตุ่มเดียว อาจเป็นที่เปลือกตาบนหรือล่างก็ได้ น้อยคนอาจเกิดพร้อมกัน 2-3 ตุ่ม บางครั้งอาจมีอาการเปลือกตาบวม หรือมีขี้ตาไหล

ถ้ากุ้งยิงขึ้นที่บริเวณหางตามักจะมีอาการรุนแรงอาจทำให้หนังตาบวมแดงจนตาปิด

ถ้าปล่องทิ้งไว้ 4-5 วันต่อมา ตุ่มฝีมักจะแตกเองแล้วหัวฝีจะยุบลงและหายปวด ถ้าหนองระบายได้หมดก็จะยุบหายไปภายใน 1 สัปดาห์

ผู้ป่วยที่เคยเป็นกุ้งยิงมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจจะมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ อาจเป็นตรงจุดเดิม หรือย้ายที่ หรือสลับข้างไปมาได้


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นมาก อาจทำให้มีหนังตาอักเสบร่วมด้วย โดยทั่วไปมักจะแตกและยุบหายไปได้เอง โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากอาจทำให้เป็นแผลเป็น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

พบตุ่มฝีขนาดเล็กตรงบริเวณขอบตา ตรงกลางมีลักษณะสีขาว ๆ เหลือง ๆ รอบ ๆ นูนแดงและกดเจ็บ

ในรายที่เป็นกุ้งยิงชนิดหัวหลบใน จะพบตุ่มนูนอยู่ใต้เปลือกตา กดถูกเจ็บ เมื่อปลิ้นเปลือกตา จะเห็นหัวฝีซ่อนอยู่ภายใน

บางรายอาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณหน้าหูโตและเจ็บ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. เมื่อเริ่มขึ้นเป็นตุ่มฝีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นตุ่มแข็ง ยังไม่กลัดหนอง ให้การรักษาดังนี้

    ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ โดยใช้ผ้าสะอาดห่อหุ้มปลายด้ามช้อน แล้วชุบน้ำอุ่นจัด ๆ กดตรงบริเวณหัวฝี และนวดเบาๆ ทำเช่นนี้วันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที หลังประคบทุกครั้ง ให้ใช้ยาป้ายตาหรือหยอดตาที่เข้ายาปฏิชีวนะ
    ถ้าปวด ให้ยาแก้ปวด
    ถ้าหนังตาบวมแดง หรือมีต่อมน้ำเหลืองที่หน้าหูโตร่วมด้วย ให้กินยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน เป็นเวลา 5-7 วัน

2. ถ้าตุ่มฝีเป่งเห็นหัวหนองชัดเจน ควรสะกิดหรือผ่าระบายหนองออก แล้วให้กินยาปฏิชีวนะ

3. ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ซึ่งชวนสงสัยว่าอาจมีภาวะซ่อนเร้นอื่น ๆ เช่น เบาหวาน สายตาผิดปกติ เป็นต้น แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดที่เปลือกตา ตุ่มแข็งที่เปลือกตาและแตะถูกเจ็บ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็น ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน  2-3 วัน 
    มีอาการปวดมากขึ้น ตุ่มโตขึ้น หรือหนังตาบวมแดง
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1.  รักษาสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง รวมทั้งกินอาหารที่มีคุณค่า พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน ออกกำลังกายเป็นประจำ

2.  รักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้า

3.  หลีกเลี่ยงการถูกฝุ่น ถูกลม แสงแดดจ้า ๆ และควันบุหรี่

4.  หลีกเลี่ยงการใช้มือ หรือผ้าเช็ดหน้าที่ไม่สะอาดเช็ดตา หรือขยี้ตา

5.  แก้ไขความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา

6.  ควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไซนัสอักเสบ ฟันผุ เป็นต้น


ข้อแนะนำ

1.  ควรรักษากุ้งยิงเมื่อเริ่มขึ้นเป็นตุ่มใหม่ ๆ ด้วยการประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ และยาปฏิชีวนะชนิดหยอดหรือป้าย แต่ถ้าปล่อยจนกลัดหนอง การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวจะไม่ได้ผล อาจต้องสะกิดหรือผ่าระบายหนองออก

2.  ในกรณีที่ตุ่มฝีแตกหรือหายอักเสบแล้ว แต่ยังคงมีตุ่มแข็งอยู่ต่อไปโดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด อาจเกิดจากตาเป็นซิสต์ (chalazion) ซึ่งส่วนมากจะพบที่เปลือกตาบน เวลาหลับตาจะสังเกตเห็นบริเวณนั้นนูนกว่าปกติ และถ้าคลำดูจะรู้สึกเคลื่อนไปมาได้เล็กน้อย โรคนี้ไม่มีอันตราย อาจเป็นอยู่ 2-3 เดือนแล้วยุบหายไปเอง แต่ถ้าไม่หายอาจต้องผ่าหรือขูดออก

9
รถรับจ้างย้ายบ้าน รถหกล้อรับจ้าง ขนของใกล้ฉัน ขนย้าย คนยก ราคาเท่าไหร่ ไปต่างจังหวัด

รถหกล้อรับจ้าง

สิ่งที่มีความสำคัญในการที่เราจะเรียกใช้บริการ รถหกล้อรับจ้าง นั่นก็คือปริมาณสินค้าและช่วงเวลาที่จะทำการขนย้ายเนื่องจากว่า รถหกล้อรับจ้าง นั้นจะมีขนาดที่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น รถ 6 ล้อรับจ้างเล็ก รถ 6 ล้อรับจ้างขนาดกลาง รถ 6 ล้อรับจ้างขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีขนาดความยาวของรถที่แตกต่างกันไป
ส่วนอีกเรื่องนึงนั่นก็คือเวลาในการขนย้ายซึ่ง รถหกล้อรับจ้าง นั้นจะมีช่วงติดเวลาที่ไม่สามารถวิ่งได้โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองที่มีการจราจรที่ติดขัดโดยจะกำหนดเวลาห้ามวิ่งใน ช่วงเวลาหนึ่งเช่นถ้าหากในเขตกรุงเทพมหานครก็จะอยู่ในช่วงห้ามวิ่งก่อน 9.00-10:00 นและหลังบ่าย 15.00 ถึง 16:00 น ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงแต่ละเขต
ดังนั้นการวางแผนในการขนย้ายของ รถหกล้อรับจ้าง จึงมีส่วนที่สำคัญเป็นอย่างมากที่ผู้ใช้บริการรถ 6 ล้อรับจ้างจะต้องคำนึงถึงสินค้าที่มักจะทำการขนย้าย ส่วนมากก็จะเป็นการ ขนย้ายไซต์งานก่อสร้าง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายเครื่องจักร ขนย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้าทั่วไป ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

   
รถรับจ้างขนของ นนทบุรี

การบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในทุกวันนี้ นั่นหมายความว่าจะต้องมีการขนย้ายที่มีทั้งรถและมีคนยกสินค้ามาให้บริการพร้อมกันในทีเดียวซึ่งการบริการขนย้ายในแต่ละครั้งนั้น ต้องเป็นการขนย้ายที่มีความรวดเร็วมีความเป็นมืออาชีพและใช้ระยะเวลาในการขนย้ายที่ไม่นาน ซึ่ง รถรับจ้างขนของ นนทบุรี ที่มีรถรับจ้างขอให้บริการในปัจจุบันนั้นก็มีผู้ให้บริการที่มีความหลากหลายมีขนาดของรถที่มาให้บริการจำนวนมาก และมีประสิทธิภาพในการให้บริการรับจ้างขนของที่แตกต่างกัน

ดังนั้น ด้วยที่ว่ามีตัวเลือกที่มากของ รถรับจ้างขนของ นนทบุรี จึงทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถที่จะต่อรองราคาและเลือกรถรับจ้างที่มีความเหมาะสมกับการขนย้ายของของเรา ทำให้เราได้ รถรับจ้างขนของ นนทบุรี ที่มีประสิทธิภาพมีความถูกต้องตรงตามสเปคตามที่เราต้องการ และที่สำคัญสามารถที่ต่อรองราคาค่าบริการ รถรับจ้างขนของ นนทบุรี ได้ในราคาที่ถูกและประหยัดต้นทุนได้
ซึ่งจังหวัดนนทบุรีนั้นก็มีทั้ง รถกระบะรับจ้างขนของ นนทบุรี รถหกล้อรับจ้างขนของ นนทบุรี รถสิบล้อรับจ้างขนของ นนทบุรี รถเฮี๊ยบรับจ้างขนของ นนทบุรี รวมไปจนถึง รถรับจ้างทั่วไป นนทบุรี ที่วิ่งให้บริการในปัจจุบัน

   
จ้างรถ 6 ล้อ ราคาเท่าไหร่

โดยปกติแล้วค่าบริการของราคารถ 6 ล้อนั้นส่วนมากแล้วจะมีราคาเริ่มต้นซึ่งบางครั้งถ้าหากว่าเรายังไม่มั่นใจหรือต้องการอยากจะทราบราคาสามารถที่จะค้นหาด้วยคำว่า จ้างรถ 6 ล้อ ราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะมีผู้ให้บริการจำนวนมากมายที่มีข้อมูลหรือพร้อมที่จะเสนอราคาค่าบริการให้กับเรา ผ่านทางเว็บไซต์หรือผ่านทาง facebook ต่างๆ

ถ้าหากจะพูดถึงในเรื่องของราคาค่าบริการเริ่มต้นของรถ 6 ล้อรับจ้างจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาทขึ้นอยู่กับลักษณะงานและการจ้างขนย้าย ว่าจะขนย้ายจากไหนไปไหน รวมคนยกด้วยหรือไม่นั่นคือสิ่งที่ผู้ให้บริการรถ 6 ล้อรับจ้างจะต้องนำมาคำนวณและเสนอราคาให้กับลูกค้าอีกครั้ง
ดังนั้นการ จ้างรถ 6 ล้อ ราคาเท่าไหร่ นั้นลองโทรสอบถามผู้ให้บริการโดยตรงน่าจะได้ข้อมูลที่ดีที่สุดไม่ว่าจะ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายเครื่องจักร ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายครัว ย้ายสินค้าทางการเกษตร

   
รถรับจ้าง 6 ล้อเล็ก

สำหรับคำว่า รถรับจ้าง 6 ล้อเล็ก นั่นหมายความว่าเป็นรถรับจ้างที่มีขนาดที่ไม่ใหญ่และมีความยาวไม่เกิน 4.5-5 เมตร ซึ่งโดยส่วนมากแล้วผู้ที่ชอบใช้บริการรถรับจ้าง 6 ล้อเล็กจะขนย้ายเพื่อการไหนบ้างนั้น ยกตัวอย่างเช่น ขนย้ายบ้าน ที่หลังไม่ใหญ่ ขนย้ายสินค้าทางการเกษตร ขนย้ายสินค้า ย้ายหอพัก ย้ายคอนโด
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว รถ 6 ล้อรับจ้างทุกคันโดยกฎหมายเขาจะมีการระบุว่าสามารถรับน้ำหนักได้ไม่เกินที่เท่าไหร่ด้วยขณะที่เล็กทำให้น้ำหนักตัวรถมีขนาดที่เบาสามารถที่จะบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณที่มาก
ดังนั้น รถรับจ้าง 6 ล้อเล็ก ส่วนมากแล้วลูกค้ามักจะนำไปขนย้ายสินค้าทางการเกษตรที่มีน้ำหนักมากๆแต่ใช้พื้นที่ในการใส่สินค้าได้ไม่เยอะเนื่องจากมีน้ำหนักที่มากอยู่แล้วจึงทำให้รถรับจ้าง 6 ล้อเล็กถูกนิยมใช้ในการนำไปขนย้ายสินค้าทางการเกษตรและก็จะมีขนย้ายบ้านในบางครั้ง ด้วยเช่นเดียวกัน

   
รถหกล้อรับจ้าง นนทบุรี

ในจังหวัดนนทบุรี มีรถรับจ้างชนิดหนึ่งที่ให้บริการขนย้ายของที่สามารถใส่สินค้าได้ในปริมาณที่มากนั่นก็คือ รถหกล้อรับจ้าง นนทบุรี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเขต อำเภอเมืองนนทบุรี แยกแคราย ปากเกร็ด ถนนติวานนท์ บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง ตลิ่งชัน งามวงศ์วาน และเขตพื้นที่ใกล้ๆ
ผู้ให้บริการ รถหกล้อรับจ้าง นนทบุรี จำนวนมากที่คอยให้บริการลูกค้าที่มีความต้องการอยากจะขนย้ายของประเภท ย้ายบ้าน ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ย้ายห้องพัก ขนย้ายสินค้า ขนย้ายเครื่องจักร ขนย้ายสินค้าทั่วไป ซึ่งปัจจุบันนี้ก็จะมี รถ 6 ล้อรับจ้าง ที่หลากหลายขนาดคอยให้บริการลูกค้าในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี
การเรียกใช้บริการก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากสามารถที่โทรสอบถามข้อมูลรายละเอียดราคากับผู้ให้บริการจำนวนมาก สามารถที่จะจองคิว รถหกล้อรับจ้าง นนทบุรี ได้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วันก็สามารถที่จะ มีผู้ให้บริการพร้อมที่จะนำรถขนของเข้ามาให้บริการท่านถึงหน้าบ้าน

   
รถหกล้อรับจ้างใกล้ฉัน

ในการที่เราอยากจะใช้บริการ รถหกล้อรับจ้างสิ่งไหนที่เรามีความต้องการมากเป็นอันดับต้นๆคงหนีไม่พ้นในเรื่องของราคาค่าบริการความสะดวกรวดเร็วที่สามารถที่จะโทรหารถ 6 ล้อรับจ้างแล้วสามารถวิ่งมาถึงหน้างานได้ในเวลาที่เรากำหนดนั่นเรากำลังหมายถึง รถหกล้อรับจ้างใกล้ฉัน ซึ่งผู้ให้บริการในลักษณะดังกล่าวนี้ จะมีความพร้อมในเรื่องของรถหกล้อรับจ้างที่คอยสแตนบายไว้ให้บริการลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรืออยู่ใกล้ๆที่จะคอย support ในเรื่องของการขนย้าย
สำหรับลูกค้าที่ต้องการขนย้ายแบบเร่งด่วน หรือลูกค้าต้องการใช้ รถหกล้อรับจ้างใกล้ฉัน แบบกะทันหันซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการหรือผู้ว่าจ้างที่ต้องการอยากจะขนย้ายของประเภท ย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายคอนโด ย้ายสินค้าย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งขนย้ายของอื่นๆอีกมากมายแน่นอนว่า รถหกล้อรับจ้างใกล้ฉัน สามารถที่ตอบโจทย์ท่านได้เป็นอย่างดีและมีความรวดเร็ว

   
รถหกล้อรับจ้าง เชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจของภาคเหนือ ที่มีทั้งการเกษตรและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย จึงทำให้มีผู้ที่สนใจที่จะย้ายที่อยู่หรือขนส่งสินค้าในพื้นที่และออกต่างจังหวัดจำนวนมากและ รถหกล้อรับจ้าง เชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งการบริการที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการ ขนย้ายสินค้าทางการเกษตรไปต่างจังหวัด หรือต้องการขนย้ายร้านค้า ขนย้ายวัสดุก่อสร้าง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสินค้า ห้างร้านบริษัทจำนวนมากมาย
ซึ่งจะต้องอาศัยรถรับจ้างที่มีขนาดใหญ่เช่น รถหกล้อรับจ้าง เชียงใหม่ จึงทำให้มีผู้ที่มีความสนใจเรียกใช้บริการอย่างมากมายและสามารถที่ขนย้ายสินค้าได้ทีละปริมาณมากๆ ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้บริการในเชิงธุรกิจ แต่ถ้าหากว่าเป็นการขนย้ายในนามบุคคลทั่วไป คือขนย้ายส่วนตัวก็จะเป็นงานขนย้ายประเภท ขนย้ายบ้าน ขนย้ายแคมป์คนงานก่อสร้าง ขนย้ายหอพัก เป็นต้นทำให้งาน รถ 6 ล้อ รับจ้างเชียงใหม่ มีการถูกเรียกใช้อยู่เป็นประจำ

   
รถหกล้อรับจ้าง ราคา

มีคนสอบถามค่าบริการ รถหกล้อรับจ้าง ราคา เท่าไหร่นั้นหรือต้องการอยากจะรู้ว่าราคาค่าบริการที่เราต้องการจะขนย้ายจากเงิน 1 ไปยังอีกจุดหนึ่ง ราคาค่าบริการจะอยู่ที่เท่าไหร่และสามารถที่จะอยู่ในงบที่เราตั้งไว้หรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าหากว่าเรามีการวางแผนการขนย้ายไว้ล่วงหน้าโดยไม่ใช้การขนย้ายแบบกระทันหันค่าบริการนั้น เราอาจจะได้ถูกเนื่องมาจากว่าเราจะมีเวลาในการค้นหาผู้ให้บริการรถรับจ้างหรือ รถหกล้อรับจ้างในราคาที่ถูกได้โดยนำมาเปรียบเทียบราคาค่า บริการของแต่ละราย แม้กระทั่งการต่อรองราคาค่าบริการ
ดังนั้น ถ้าเราต้องการอยากจะทราบว่า รถหกล้อรับจ้าง ราคา ที่กี่บาท เราควรที่จะมีการวางแผนช่วงเวลาในการขนย้ายรายละเอียดของสินค้าที่ทำการขนย้ายตรวจเช็คและเปรียบเทียบราคา ซึ่งโดยส่วนมากแล้วราคาค่าบริการรถ 6 ล้อรับจ้างจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาทซึ่งถือว่าเป็นราคาเริ่มต้น ที่ผู้ใช้บริการสามารถที่จะกำหนดเป็นอัตราหรือเรทราคาที่ทางผู้ว่าจ้างจะต้องเตรียมไว้

   
รถหกล้อรับจ้าง ไปต่างจังหวัด

การที่จะขนย้ายของไปต่างจังหวัดส่วนมากแล้วเราจะใช้รถรับจ้างขนของประเภทไหนบ้าง แต่ถ้าเกิดว่าสินค้าที่เราจะทำการขนย้ายนั้นมีปริมาณที่มากพอสมควรเช่นถ้าเกิดว่าเป็นการ ขนย้ายบ้าน ซึ่งต้องมีทั้ง เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า ถ้วยจานชาม เฟอร์นิเจอร์ โซฟา ซึ่งแน่นอนว่าการขนย้ายน่าจะต้องใช้รถรับจ้างที่มีขนาดใหญ่ จึงจะสามารถขนย้ายได้หมดภายในที่เดียว
ดังนั้นการที่เราจะหา รถหกล้อรับจ้าง ไปต่างจังหวัด เราจึงต้องหารถรับจ้างที่มีขนาดที่มีความเหมาะสมเพราะว่า รถหกล้อรับจ้างก็จะมีขนาดที่มีความแตกต่างกันแต่ราคาค่าบริการไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าโดยมากแล้วสำหรับงานให้บริการอย่างขนย้ายบ้านขนย้ายสินค้าทางการเกษตร
รถหกล้อรับจ้าง ที่เขาให้บริการก็น่าจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 6.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็น รถหกล้อรับจ้าง ไปต่างจังหวัด ที่มีคนนิยมใช้มาเป็นอันดับต้นๆและสามารถขนย้ายของได้จบภายในที่เดียวอีกด้วย

   
รถ6ล้อรับจ้างกรุงเทพ

การที่จะเรียกใช้บริการ รถ6ล้อรับจ้างกรุงเทพ ไม่ว่าจะขนย้ายภายในเขตกรุงเทพฯหรือขนย้ายไปยังเขตปริมณฑล หรือขนย้ายไปต่างจังหวัดการวางแผนในเรื่องของการขนย้ายถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากว่า รถ6ล้อรับจ้างในเขตพื้นที่กรุงเทพฯนั้น จะมีช่วงติดเวลาไม่สามารถที่จะวิ่งให้บริการได้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนหรือช่วงเช้ากับช่วงเย็นซึ่งตามกฎหมายห้ามที่ทำการขนย้ายของโดยลดขนาดใหญ่ตั้งแต่รถ 6 ล้อเป็นต้นไป
การขนย้ายของในกรุงเทพฯจึงถือว่ามีส่วนสำคัญมากที่จะต้องกำหนดในเรื่องของเวลาและ วางแผน ในเรื่องของการขนย้ายของให้เป็นอย่างดี ดังนั้นสำหรับ รถ6ล้อรับจ้างกรุงเทพ ผู้ว่าจ้างสามารถที่สอบถามค่าบริการหรือช่วงติดเวลาของรถขนาดใหญ่นี้กับผู้ให้บริการโดยตรงว่าสามารถวิ่งได้ในช่วงเวลาไหนในเขตพื้นที่อะไรจะทำให้เราสามารถมากำหนดทิศทางและกำหนดวันเวลาในการขนย้ายของ ไม่ว่าจะเป็นย้ายบ้านย้ายเครื่องจักร ย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสินค้าทั่วไป ที่เราต้องการจะขนย้ายได้ประสบความสำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี

   
รถรับจ้าง 6 ล้อ ราคาถูก

ใครๆก็ต้องการอยากจะได้ รถรับจ้าง 6 ล้อ ราคาถูก เนื่องจากว่ารถ 6 ล้อรับจ้างนั้นหรือรถรับจ้าง 6 ล้อด้วยขนาดรถที่ใหญ่จึงทำให้ค่าบริการจะมีราคาที่สูงมากกว่า รถขนาดเล็กอย่างรถ 4 ล้อรับจ้างอย่างแน่นอน
ดังนั้น การที่เราจะได้ รถรับจ้าง 6 ล้อ ราคาถูก หรือราคาไม่แพง เราอาจจะต้องมีการต่อรองราคาค่าบริการกับผู้ให้บริการหรือหากเป็นงานบริษัทจะต้องนำไปกำหนดงบประมาณ ในการเรียกใช้ให้มีความถูกต้องหรือนำไปคำนวณต้นทุนของสินค้า ซึ่งการจะหารถรับจ้าง 6 ล้อราคาถูกถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เราควรจะต้องหารถรับจ้างที่เป็นเจ้าประจำสำหรับงานบริษัท
ถ้าหากว่าเป็นการขนย้ายส่วนตัวในแต่ละครั้งอาจจะต้องมีการเปรียบเทียบในเรื่องของราคาค่าบริการ รถรับจ้าง 6 ล้อ ราคาถูก เพื่อให้เราได้ผลประโยชน์มากที่สุดดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการว่าจ้างรถ 6 ล้ออาจจะผ่านทางการรีวิวการให้บริการผ่านทาง Google search หรือแบบ Pantip เพื่อให้เราได้ข้อมูลการให้บริการจาก ผู้ที่เคยใช้บริการจำนวนมากมาย

   
รถรับจ้าง6ล้อ สมุทรปราการ

ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการไม่ว่าจะเป็น บางพลี บางนา เทพารักษ์ กิ่งแก้ว สำโรง ปากน้ำ พระประแดง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่มีการขนย้ายของจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าขนาดใหญ่ที่มีจำนวนมากและน้ำหนักเยอะๆจึงทำให้ รถรับจ้าง6ล้อ สมุทรปราการ มีจำนวนมากและพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่ต้องการคนย้ายของทั้งแบบเร่งด่วนหรือมีการวางแผนการขนย้ายไว้ล่วงหน้าซึ่ง รถรับจ้าง6ล้อ สมุทรปราการ ก็จะมีความพร้อมและมีความหลากหลายของขนาดจำนวนมากมาย ให้คุณได้ว่าจ้างหรือสามารถที่ตรวจสอบในเรื่องของราคาค่าบริการที่ไม่แพงกับผู้ให้บริการโดยตรงซึ่งด้วยปริมาณรถรับจ้างที่มีจำนวนมากและพร้อมที่จะให้บริการ
จึงทำให้ลูกค้าสามารถกำหนดและเลือกเวลาในการขนย้ายรวมไปจนถึงต่อรองราคาค่าบริการได้ รถรับจ้าง 6 ล้อ สมุทรปราการ มีจุดจอดจุดให้บริการอยู่ในทุกเขตพื้นที่สามารถที่จะติดต่อสอบถามหรือตรวจเช็คราคาได้ทันที

   
รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ชลบุรี

จังหวัดชลบุรีถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเขตนิคมอุตสาหกรรมมากมายมีการขนย้ายของที่มีขนาดใหญ่เช่นเครื่องจักรหรือสินค้าโรงงานจำนวนมากจึงทำให้มี รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ชลบุรี ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น รถ 6 ล้อรับจ้างชลบุรีแบบตู้ทึบ รถ 6 ล้อรับจ้างชลบุรีแบบกระบะคอกสูง ใช้ผ้าใบคลุม การขนย้ายของนั้นก็จะมีทั้งแบบรถพร้อมคนยก หรือใช้รถ 6 ล้อรับจ้างชลบุรีเพียงอย่างเดียว

เขตพื้นที่ที่ให้บริการบ่อยครั้งก็คงหนีไม่พ้นใน เขตอำเภอเมืองชลบุรี บางแสน ศรีราชา พัทยา บางละมุง สัตหีบ พานทอง ในเขตนิคมอุตสาหกรรม สำหรับท่านใดที่มีความสนใจอยากจะใช้บริการ รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ชลบุรี สามารถติดต่อสอบถามผู้ให้บริการตรวจรับจ้างผ่านการค้นหา ทางมือถือหรือคอมพิวเตอร์ด้วยคำว่า รถ 6 ล้อรับจ้างขนของ ชลบุรี ท่านก็จะมีผู้ให้บริการมาให้เลือกมากมายตามที่ท่านต้องการ

10
รถกระบะรับจ้างขนของนครสวรรค์ ย้ายหอ ขนสินค้า เข้าถึงทุกที่ บริการรวดเร็ว ยืดหยุ่นตามต้องการ เรียกใช้งานได้เลย

รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์

ในยุคที่การขนส่งเป็นสิ่งสำคัญ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการ ย้ายหอ หรือ ขนสินค้า ที่หลากหลาย ด้วยบริการที่เข้าถึงทุกพื้นที่ในจังหวัดและบริเวณใกล้เคียง รถกระบะรับจ้าง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการขนย้าย ทั้งยังมีความรวดเร็วในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการ ย้ายบ้าน ย้ายหอ หรือการ ขนส่งสินค้า ในปริมาณมาก บริการรถรับจ้างสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งทำให้การขนส่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพียงแค่เรียกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ก็พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของคุณได้ทันทีรถรับจ้างทั่วไป ราคาถูก

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ บริการ 24 ชั่วโมง

ในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูง ความสะดวกสบายจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ การเลือกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม รถกระบะรับจ้าง ไม่เพียงแต่ช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวก แต่ยังสามารถเรียกใช้บริการได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดยาว หรือแม้กระทั่งวันทำงาน ทีมงานพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของคุณค่ะ นอกจากนี้ เมื่อคุณไม่ต้องเสียเวลาหรือพลังงานในการขนย้ายของเอง คุณจะมีเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญในชีวิตค่ะ

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน

บางครั้งความจำเป็นก็บังคับให้มีการเรียกใช้งาน รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ แบบเร่งด่วน รถรับจ้างที่อยู่ใกล้เป็นตัวแรกที่ ผู้ใช้บริการจะเรียกใช้งาน แต่บางครั้งก็ต้องแลกกับราคาที่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อมีความต้องการที่เร่งด่วนหรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว ซึ่งผู้ให้บริการหลายรายอาจเพิ่มราคาขึ้นเพื่อชดเชยกับความไม่สะดวกที่เกิดจากการจัดการทรัพยากรในช่วงเวลานั้น ๆ ค่ะ ถึงแม้ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ควรพิจารณาว่าความสะดวกและความรวดเร็วที่ได้รับนั้นคุ้มค่าหรือไม่ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน บริการที่ใกล้ที่สุดและสามารถให้บริการได้ในเวลาที่ต้องการ อาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความยุ่งยากและความเครียดที่เกิดจากการจัดการการขนย้ายด้วยตัวเองได้ค่ะ

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ไปต่างจังหวัด

บางครั้งการเดินทางไกลๆ แฝงไปด้วยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ไปต่างจังหวัด บางคนกังวลว่า ของที่ขนย้าย จะถึงปลายทางไหม เขาจะเอาไปส่งรึป่าว หรือจะเกิดปัญหาในระหว่างการเดินทางไหม อย่างไรก็ตาม ขนส่ง เข้าใจดีถึงความกังวลเหล่านี้  และพร้อมมอบความสบายใจให้กับลูกค้าทุกคน เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมดูแลและตรวจสอบการขนส่งอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและตรงเวลา นอกจากนี้ เรายังมีบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการพิเศษของลูกค้า เช่น การติดรถไปพร้อมกับเราเพื่อให้คุณมั่นใจว่าทุกอย่างจะถูกต้องตามที่วางแผนไว้ อีกด้วยค่ะ

   
รถรับจ้างนครสวรรค์ ราคาเท่าไหร่

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริการ รถรับจ้างนครสวรรค์ขนส่ง และต้องการทราบเกี่ยวกับเรทราคารถรับจ้าง การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่คาดคิดในภายหลังค่ะ การให้ข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเสนอราคาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งข้อมูลที่ควรแจ้งคือ

    ประเภทของรถ : ระบุว่าคุณต้องการใช้รถประเภทไหน เช่น รถ 4 ล้อ, รถ 6 ล้อ หรือรถ 10 ล้อ
    จุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง : แจ้งที่อยู่เริ่มต้นและปลายทางเพื่อการคำนวณระยะทางและค่าบริการที่ถูกต้อง
    ปริมาณของสัมภาระ : บอกจำนวนและขนาดของสิ่งของที่ต้องการขนย้าย เช่น เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ หรือของชิ้นใหญ่
    วันที่และเวลาที่ต้องการขนย้าย : ระบุวันที่และเวลาที่คุณต้องการใช้บริการ เพื่อให้บริษัทสามารถจัดเตรียมรถและทีมงานให้ตรงตามความต้องการ
    บริการเสริม : ถ้าคุณต้องการบริการเสริม เช่น เด็กยก การจัดเก็บ ถอดประกอบ ควรแจ้งให้ชัดเจน

โดยการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนนี้ จะช่วยให้การประเมินราคา มีความแม่นยำและลดโอกาสที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในภายหลังได้ค่ะ

11
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษา เข้าพบทันตแพทย์น้อยลง

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่มีผู้คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ เนื่องจากการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใสนั้น สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปัญหาฟันในหลายกรณีที่มักพบเจอได้บ่อย ตัวอย่างเช่น ฟันซ้อน ฟันห่าง ฟันเก ฟันที่มีการสบกันผิดปกติ ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในเรื่องของบุคลิกภาพและการรับประทานอาหาร เพราะถ้าหากเรามีฟันที่ซ้อนกันก็อาจทำให้เราบดเคี้ยวอาหารได้ลำบากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้เราอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเช่น อาการปวดท้อง

เนื่องจากการที่เราบดเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด อาจจะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้ เพราะฉะนั้น การเข้ารับการจัดฟันจึงสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกกรณี ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟันแบบใสยังมีจุดเด่นนั่นก็คือ สามารถถอดเข้าออกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาหลักๆของผู้ที่เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่ก็อาจจะมีอุปสรรคในเรื่องของเครื่องมือที่ติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้ยากขึ้น ทำให้ออกเสียงไม่ชัด รวมไปถึงในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันอาจจะทำได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร การจัดฟันแบบใสจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่อย่างไรก็ตามการจัดฟันแบบใสก็เหมือนกับการจัดฟันด้วยวิธีอื่นๆ แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของเครื่องมือและความสะดวกสบาย การดูแลรักษา รวมไปถึงผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้งเหมือนกับการจัดฟันแบบทั่วไปซึ่ง วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการเข้าพบทันตแพทย์ของผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบใสว่าเข้าพบทันตแพทย์น้อยกว่าผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปจริงหรือไม่ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับหลายคนที่อาจจะไม่มีเวลาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส

ซึ่งการเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อดีอีกข้อที่ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องกังวลในเรื่องของเวลาที่ต้องเข้าพบทันตแพทย์ เพราะการรักษาด้วยการจัดฟันแบบ โดยปกติแล้วพบแพทย์น้อยกว่าการจัดฟันบางประเภทอยู่แล้ว แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเข้าพบทันตแพทย์ประมาณทุก 6-8 สัปดาห์เพื่อดูความคืบหน้าของการจัดฟันและรับเครื่องมือจัดฟันชุดต่อไป

ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบใสแต่ละชุดนั้น ก็ความแตกต่างกัน เพราะในการเคลื่อนที่บางอย่างอาจต้องมีส่วนนูนเพื่อช่วยให้อุปกรณ์จัดฟันยึดเกาะกับฟัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือเป็นประจำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการจัดฟันแบบใสนั้น ถึงแม้จะมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาที่จะทำให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้เข้ารับการจัดฟัน ที่จะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันเป็นประจำ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องรักษาความสะอาดของเครื่องมือ และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เครื่องมือขณะรับประทานอาหาร เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือการจัดฟันนั้นเสียหายได้นั่นเอง

สำหรับการจัดฟันแบบใส จะเริ่มแสดงผลลัพธ์ให้เห็นใน 2-3 เดือน หลังจากที่เริ่มรักษา โดยระยะเวลาของการรักษาทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาและการประเมินของทันตแพทย์ด้วย รวมไปถึงความร่วมมือของผู้เข้ารับการจัดฟัน แต่ส่วนใหญ่การรักษาเฉลี่ยสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 12 -18 เดือน สำหรับวัยรุ่น ระยะเวลาการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามแต่ลักษณะของฟันด้วย อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมทั้งยังได้ขั้นสูงสุดของ invisalign จึงทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

12
ข้อดีและข้อเสีย ของท่อลมร้อน ที่ควรรู้

ท่อลมร้อนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิตและลักษณะการใช้งาน โดยทั่วไปแล้ว มีดังนี้:

ข้อดีของท่อลมร้อน:

การระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ:
ช่วยระบายอากาศที่มีอุณหภูมิสูง ควัน หรือก๊าซพิษออกจากพื้นที่ทำงาน ทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานดีขึ้น
ช่วยลดความร้อนสะสมในพื้นที่ทำงาน ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การควบคุมอุณหภูมิ:
ช่วยควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิตให้คงที่
ช่วยกระจายความร้อนไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

การกำจัดสารอันตราย:
ช่วยระบายควันพิษ ก๊าซอันตราย หรือฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ทำงาน ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงาน

การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน:
การระบายอากาศที่ดีช่วยลดความเมื่อยล้าของพนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ในกระบวนการผลิตบางอย่าง การระบายความร้อนที่เหมาะสมช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การป้องกันอัคคีภัย:
ท่อลมร้อนที่ทำจากวัสดุทนไฟ ช่วยป้องกันการลุกลามของไฟในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
ในระบบดูดควัน ท่อลมร้อนช่วยในการกำจัดควันออกจากอาคาร ลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย

การลดเสียงรบกวน:
ท่อลมร้อนบางชนิดมีคุณสมบัติในการลดเสียงรบกวนจากการไหลของอากาศ ช่วยลดมลภาวะทางเสียงในพื้นที่ทำงาน

การใช้งานในระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning):
ท่อลมร้อนเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบ HVAC ช่วยในการระบายอากาศร้อนและถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์ภายในอาคาร

ข้อเสียของท่อลมร้อน:

ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง:
การติดตั้งท่อลมร้อนอาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

การบำรุงรักษา:
ท่อลมร้อนต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นละออง สิ่งสกปรก หรือสารเคมี
การทำความสะอาดและตรวจสอบรอยรั่วของท่อลมอาจต้องใช้เวลาและแรงงาน

การเสื่อมสภาพ:
ท่อลมร้อนอาจเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง สารเคมี หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
การเปลี่ยนท่อลมร้อนที่เสื่อมสภาพอาจมีค่าใช้จ่ายสูง

ความยืดหยุ่นจำกัด:
ท่อลมโลหะและท่อลมไฟเบอร์กลาสมีความยืดหยุ่นจำกัด ทำให้การติดตั้งในพื้นที่จำกัดทำได้ยาก
ท่อลมผ้าใบมีความยืดหยุ่นมากกว่า แต่ไม่ทนต่ออุณหภูมิสูงและสารเคมีบางชนิด

การสูญเสียพลังงาน:
หากท่อลมร้อนไม่มีฉนวนกันความร้อน อาจมีการสูญเสียพลังงานความร้อน ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน

เสียงรบกวน:
ท่อลมร้อนบางชนิดอาจก่อให้เกิดเสียงรบกวนจากการไหลของอากาศ โดยเฉพาะเมื่อมีการไหลของอากาศในปริมาณมาก
ในการเลือกใช้ท่อลมร้อน ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียต่างๆ เพื่อให้ได้ท่อลมที่เหมาะสมกับการใช้งาน และมีประสิทธิภาพในการระบายอากาศสูงสุด

13
บริการด้านอาหาร: อาหารลดความเครียด กินอะไรแล้วมีความสุข มีสารช่วยลดความวิตกกังวล

อาหารที่เรากินในแต่ละวันมีส่วนเชื่อมโยงกับอารมณ์และพฤติกรรมของเรา อาหารสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นได้ และในขณะเดียวกันหากเรารับประทานอาหารที่ไม่มีสารอาหารเพียงพอก็อาจส่งผลให้เราเกิดภาวะเครียด ซึมเศร้าและวิตกกังวลได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากใครที่ต้องเผชิญกับความเครียด การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะสำคัญมากเพราะเป็นอาหารที่ช่วยลดความเครียดได้

อาหารเพื่อสุขภาพมีสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งไม่เพียงแต่จะเหมาะในช่วงเวลาที่เกิดความเครียด เท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้นได้อีกด้วย แต่นอกจากการกินอาหารที่ดี การออกกำลังกาย และการลดการบริโภคน้ำตาลก็สามารถช่วยได้  เพราะน้ำตาลมีส่วนเพิ่มการอักเสบในรางกายและทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและความวิตกกังวลได้ง่าย

 
7 อาหารช่วยลดความเครียด

 1. ขมิ้นชัน

ขมิ้นถือเป็นเครื่องเทศและสมุนไพรที่ช่วยต้านการอักเสบที่ดี แต่ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้นั่นก็คือการช่วยบำรุงสุขภาพสมอง สารเคอร์คูมินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในขมิ้นสามารถช่วยเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ซึ่งเป็นไขมันจําเป็นต่อสุขภาพสมอง และอาหารชนิดนี้ก็จำเป็นหากเราไม่ได้บริโภคปลาบ่อยนัก เนื่องจาก DHA สามารถพบได้มากในปลาที่มีไขมัน และหากมี DHA ในระดับที่ต่ําก็อาจส่งผลให้เรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป อย่างการมีความเครียดและวิตกกังวลเพิ่มขึ้นได้

 
2. ปลาที่มีไขมัน

การขาดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับความวิตกกังวลที่สูงขึ้น จากงานวิจัยของแผนกจิตเวช โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์จีน ไต้หวัน สรุปได้ว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 มีความสัมพันธ์กับการลดอาการวิตกกังวลอย่างมีนัยสําคัญ และอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงก็อย่างเช่น ปลาที่อุดมไปด้วยไขมัน อย่างแซลมอน ปลาแมคเคอเรลและปลาซาร์ดีน

 
3. อาหารที่อุดมด้วยสังกะสี

สังกะสีเชื่อมโยงกับกาบา (GABA) และกลูตาเมตซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ของเรา หากสารเหล่านี้มีระดับต่ํา ก็อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีหากเราจะรับประทานอาหารที่มีสังกะสี โดยอาหารที่มีสังกะสีสูง เช่น หอยนางรม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง พืชตระกูลถั่วและเนื้อแดง

 
4. ผักใบเขียว

ผักใบเขียวอุดมไปด้วยแมกนีเซียมซึ่งเป็นสารอาหารหลักที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและความวิตกกังวล จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าการเพิ่มแมกนีเซียมในอาหารทำให้ความเครียดในสัตว์ลดลงได้

 
5. ผลไม้กลุ่มเบอร์รี่

มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าทั้งภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลมีความสัมพันธ์กับปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ผลไม้กลุ่มเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง และด้วยเหตุนี้จึงทให้เบอร์รี่เป็นกลุ่มอาหารที่ดีที่สามารถช่วยลดและต่อสู้กับภาวะเครียดและการอักเสบได้

 
6. ดาร์กช็อกโกแลต

อาหารที่ช่วยลดความเครียดนี้อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารประกอบของพืชที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานดาร์กช็อกโกแลต 40 มก. ต่อวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์สามารถลดความเครียดลงได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ช็อกโกแลตจะเป็นอาหารทั่วไปที่หาได้ง่าย แต่หากต้องการรับประทานเพื่อช่วยลดความเครียดและวิตกกังวล เราแนะนำให้เลือกโกโก้ที่ไม่หวานหรือดาร์กช็อกโกแลตที่ไม่หวานกว่าและมีสัดส่วน 70% ขึ้นไป

 7. ชาเขียว

แม้ว่าจะไม่ใช่อาหารที่เป็นของขบเคี้ยวเพื่อช่วยลดเครียด แต่ชาเขียวก็จัดเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยลดความเครียดได้ดี และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสําหรับคนที่กำลังอยากลดการดื่มกาแฟเพราะชาเขียวก็มีคาเฟอีนเช่นเดียวกัน ชาเขียวมีกรดอะมิโนที่เรียกว่าแอล-ธีอะนีนในปริมาณสูง สารชนิดนี้สามารถช่วยลดความรู้สึกเครียดและวิตกกังวล และทำให้ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะอย่างมากกับผู้ที่กำลังประสบกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด

14
หมอประจำบ้าน: ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด (Deep vein thrombosis/DVT)

หลอดเลือดดำบริเวณแขนขา บางครั้งอาจเกิดลิ่มเลือด (blood clot หรือ thrombus) ขึ้นภายในหลอดเลือด ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งในหลอดเลือดดำส่วนผิว* และส่วนลึก

ที่สำคัญคือ การมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นที่หลอดเลือดดำส่วนที่อยู่ลึกในกล้ามเนื้อ (ส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณขา ส่วนน้อยอาจเกิดที่บริเวณแขน) เรียกว่า ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเนื่องจากลิ่มเลือดดังกล่าวหลุดลอยเข้าไปในปอด

ภาวะนี้มักพบในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เลือดแข็งตัวง่ายหรือไหลเวียนช้า ดังนั้นจึงพบบ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด อ้วน สูบบุหรี่ กินยาเม็ดคุมกำเนิด หรือไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่นาน ๆ หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตรใหม่ ๆ

โรคนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะพบมากในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ และมักเกิดกับผู้ที่เข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หรือได้รับการผ่าตัด

บางรายอาจเกิดภาวะนี้โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน

*การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณผิว มักจะทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดร่วมด้วย เรียกว่า หลอดเลือดดำส่วนผิวอักเสบมีลิ่มเลือด (superficial thrombophlebitis) ภาวะนี้มีอันตรายน้อย และมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นลิ่มเลือดขนาดเล็ก และไม่หลุดลอยไปที่อื่น อาการที่พบ คือ หลอดเลือดดำที่มีลิ่มเลือดจะมีลักษณะคลำได้เป็นเส้นแข็ง ออกแดง ร้อน และเจ็บ ให้การรักษาตามอาการ ได้แก่ ให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ สวมใส่ถุงเท้าชนิดยืด หรือพันด้วยผ้าพันแผลชนิดยืด ยกเท้าสูงเวลานอนหรือนั่ง

สาเหตุ

ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา อาจมีสาเหตุหรือมีปัจจัยเสี่ยง เช่น

    การไม่ได้ลุกขึ้นเดินเป็นเวลานานเกิน 3 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น นั่งรถหรือเครื่องบินระยะทางไกล
    การนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงนาน ๆ เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัด กระดูกหัก หรือเป็นโรคหัวใจ
    ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก ผู้ป่วยแขนขาเป็นอัมพาต หัวใจวาย หรือ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
    ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งบางชนิดที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่าย (เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่) หรือมีการใช้ยาเคมีบำบัด เช่น darbepoetin, epoetin, tamoxifen เป็นต้น
    ผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทนสำหรับหญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวง่าย
    หญิงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดใหม่ ๆ (ไม่เกิน 6 สัปดาห์) ซึ่งจะทำให้มีแรงดันสูงในหลอดเลือดดำที่บริเวณเชิงกรานและขา
    ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีภาวะขาดน้ำหรือสูบบุหรี่
    ผู้ที่รูปร่างอ้วน
    การมีภาวะบาดเจ็บต่อหลอดเลือดดำ เช่น การผ่าตัดหลอดเลือด หรือฉีดสารระคายเคืองเข้าหลอดเลือด
    การมีความผิดปกติที่ทำให้เลือดจับเป็นลิ่มง่าย
    มีประวัติว่าพ่อแม่พี่น้องมีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด หรือภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด

ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณแขน อาจมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง เช่น

    ที่พบได้บ่อย คือ เกิดจากการทำหัตถการที่กระทบต่อหลอดเลือดดำที่บริเวณแขน เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (central venous catheter), การใส่ตัวคุมจังหวะหัวใจ (cardiac pacemaker) เป็นต้น
    การบาดเจ็บ เช่น กระดูกไหปลาร้าหรือกระดูกต้นแขนหัก กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น
    การเล่นกีฬาที่ออกแรงมาก ๆ (เช่น ว่ายน้ำ เล่นเทนนิส ยกน้ำหนัก มวยปล้ำ พายเรือ) ทำให้หลอดเลือดดำที่คอและไหล่ตีบ กระตุ้นให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำได้ มักพบในนักกีฬาอายุน้อย ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีภาวะ Paget-Schroetter syndrome (PSS) หรือนักกีฬาที่แข็งแรงดีก็ได้
    นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยแบบเดียวกับภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา เช่น ผู้ที่เป็นมะเร็งหรือได้รับยาเคมีบำบัด การมีความผิดปกติที่ทำให้เลือดจับเป็นลิ่มง่าย หรือมีประวัติพ่อแม่พี่น้องมีภาวะเลือดจับเป็นลิ่มง่าย การสูบบุหรี่ การไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่นาน ๆ เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหน่วง ๆ ตึง ๆ หรือเจ็บปวดที่ขา (บริเวณน่องหรือต้นขา) หรือที่แขน ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่ง อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แขนหรือขาข้างที่ปวดมีอาการบวมร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญ ได้แก่ ลิ่มเลือดหลุดลอยเข้าสู่หัวใจและไปอุดตันในหลอดเลือดแดงปอด เรียกว่า ภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด ซึ่งอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้

ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา อาจเกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (chronic venous insufficiency) เนื่องจากหลอดเลือดดำขาถูกทำลาย เลือดคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำ ไม่อาจไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเท้า เท้าบวม

นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือดที่บริเวณขา หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจเกิดการทำลายหลอดเลือดดำหรือลิ้นเล็ก ๆ ในหลอดเลือดดำขา (ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เลือดไหลกลับลงเท้า) ทำให้เลือดไม่อาจไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ เลือดคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำ มีอาการปวดเท้า เท้าบวมเรื้อรัง ผิวหนังบริเวณข้อเท้าด้านในกลายเป็นสีน้ำตาลแดง เป็นแผลง่าย หลอดเลือดขอดที่ขา เรียกว่า "ภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง (chronic venous insufficiency)" หรือ "กลุ่มอาการหลังเกิดลิ่มเลือด (post-thrombotic syndrome)"

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

แขนหรือขาข้างที่ปวด มีลักษณะบวม มีสีแดงหรือคล้ำ กดถูกเจ็บ คลำดูรู้สึกร้อนกว่าปกติ บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ ชีพจรเต้นเร็ว

การตรวจโดยจับปลายเท้ากระดกขึ้น ทำให้รู้สึกเจ็บน่องมากขึ้น เรียกว่า อาการโฮแมน (Homan’s sign) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพิเศษ เช่น อัลตราซาวนด์ (duplex ultrasonography), ถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดดำด้วยการฉีดสารทึบรังสี (venography), ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์

ในกรณีที่สงสัยว่าอาจมีภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดก็จะทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนอนพักและยกเท้าสูง 6 นิ้ว ให้สารกันเลือดเป็นลิ่ม ได้แก่ เฮพาริน (heparin) ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แล้วให้กินยาเม็ดวาร์ฟาริน (warfarin) ต่อ ซึ่งอาจต้องกินนาน 3-6 เดือน ยานี้ทำให้เลือดออกได้ง่าย จำเป็นต้องตรวจเลือดดู clotting time แล้วปรับขนาดยาให้เหมาะสม

การรักษาอื่น ๆ ได้แก่ การพันด้วยผ้าพันแผลชนิดยืด หรือการสวมใส่ถุงน่องชนิดยืด (elastic stocking) เพื่อแก้ไขอาการบวมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ อาจต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด (เช่น streptokinase หรือ tPA) เข้าทางหลอดเลือดดำ หรือทำการผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก

กรณีที่ไม่สามารถใช้สารกันเลือดเป็นลิ่ม แพทย์อาจสอดใส่ "ตัวกรอง (filter)" ไว้ในท่อเลือดดำส่วนล่าง (inferior vena cava) เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดหลุดลอยเข้าปอด

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน บางรายอาจมีอาการกำเริบซ้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นที่แขน

การใส่ตัวกรองป้องกันสิ่งหลุดเข้าหัวใจกระจายไปที่ปอด

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดหน่วง ๆ ตึง ๆ หรือเจ็บบริเวณขาหรือแขนข้างหนึ่ง หรือมีอาการบวมที่ข้อเท้า เท้า ต้นขา หรือแขนข้างหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา กินยา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ
    ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผล
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง เพราะอาจมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่แพทย์ใช้รักษาอยู่

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออก หรือมีจ้ำเขียวหรือรอยห้อเลือดที่ผิวหนัง
    มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด ใจหวิวใจสั่น หรือลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    ขาดยาหรือยาหาย
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1.  ถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน ควรลดน้ำหนัก

2.  ไม่สุบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จัด

3.  หมั่นออกกำลังกาย

4.  หลีกเลี่ยงการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ควรลุกขึ้นเดินทุก ๆ ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง

5.  ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร (ประมาณ 6-8 แก้ว) อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ

6.  หมั่นตรวจเช็กสุขภาพ และถ้ามีโรคประจำตัว (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็ง) ควรดูแลรักษาอย่างจริงจัง

7.  สำหรับผู้ที่นั่งรถหรือเครื่องบิน ควรป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ โดยการปฏิบัติดังนี้

    ถ้านั่งเครื่องบินหรือรถไฟ ควรลุกขึ้นเดินในห้องโดยสารทุก ๆ ชั่วโมง ถ้านั่งรถ ทุก ๆ ชั่วโมงควรหยุดรถ และเดินไปมารอบรถสักครู่
    ขณะนั่งอยู่กับที่ หมั่นบริหารขาโดยการงอ-เหยียดข้อเท้าขึ้นลงเป็นครั้งคราว คราวละ 10 ครั้ง และควรบริหารขาให้บ่อยขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถลุกขึ้นเดินในห้องผู้โดยสารหรือหยุดรถที่ขับได้ทุกชั่วโมง
    หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าหรือเข็มขัดรัดเอว
    ดื่มน้ำมาก ๆ  และหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ

8. ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยอัมพาต คนอ้วน ผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน ควรมีการออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกาย (เช่น เดิน) อยู่บ่อย ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ (อย่าให้ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ) หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หมั่นบริหารขาโดยการงอ-เหยียดข้อเท้าขึ้นลง

9.  สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เคยมีภาวะหลอดเลือดดำมีลิ่มเลือดมาก่อน มีภาวะเลือดจับเป็นลิ่มง่าย ผู้ที่ต้องรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก ผู้ป่วยโรคหัวใจหรืออัมพาต เป็นต้น ถ้าจำเป็นต้องรับการผ่าตัดหรือเข้าพักรักษาตัว (นอนบนเตียง) ในโรงพยาบาลนาน ๆ ให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างจริงจัง ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้สารกันเลือดจับเป็นลิ่มป้องกัน

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่รับสารกันเลือดเป็นลิ่ม อาจมีเลือดออกได้ง่าย ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผล และถ้ามีอาการเลือดออก (เช่น จ้ำเขียวหรือรอยห้อเลือดตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหลมาก ไอ อาเจียน หรือถ่ายปัสสาวะ/อุจจาระเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ) ควรรีบไปโรงพยาบาล

2. อาการแขนหรือขาบวมข้างหนึ่ง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ที่สำคัญคือ ทางเดินน้ำเหลืองอุดกั้น ซึ่งอาจเกิดจากมะเร็ง ภาวะแทรกซ้อนจากการฉายรังสี การติดเชื้อ (เช่น โรคเท้าช้าง) สาเหตุเหล่านี้มักไม่มีอาการเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม เมื่อพบอาการแขนหรือขาบวมข้างหนึ่งก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

3. โดยปกติ ลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดดำไม่สามารถหลุดลอยไปอุดตันในหลอดเลือดสมอง (จะเกิดขึ้นได้ต้องเป็นลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดแดง) อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในรายที่มีผนังหัวใจรั่วโดยกำเนิด (patent foramen ovale) อยู่ก่อน ลิ่มเลือดอาจหลุดเข้าไปในระบบหลอดเลือดแดง ลอยไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ได้ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยสำหรับภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด

15
ตรวจสุขภาพ: กระเพาะอาหารทะลุ/แผลเพ็ปติกทะลุ (Peptic perforation)

พบในผู้ป่วยแผลเพ็ปติกที่ปล่อยปละละเลย ขาดการรักษาอย่างจริงจัง จนแผลค่อย ๆ กินลึกจนทะลุเป็นรู

สาเหตุ

มักพบเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลเพ็ปติกที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ผู้ป่วยมักมีประวัติปวดท้องตรงใต้ลิ้นปี่เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง หรือมีประวัติชอบกินยาแก้ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อ (เช่น ยาแก้ปวดที่เข้าแอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาชุด) ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเสียดแน่นที่ใต้ลิ้นปี่ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีทันใดและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปวดมาก่อนและปวดติดต่อกันนานเป็นชั่วโมง ๆ (มักเป็นนานเกิน 6 ชั่วโมง) กินยา ฉีดยาอะไรก็ไม่ได้ผล อาการปวดมักลุกลามไปทั่วท้องอย่างรวดเร็ว และอาจรู้สึกปวดร้าวไปที่หัวไหล่ข้างเดียวหรือ 2 ข้าง ผู้ป่วยมักจะนอนนิ่ง ๆ หากขยับเขยื้อนจะรู้สึกปวดมากขึ้น บางรายอาจมีการคลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม


ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มักทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และโลหิตเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายถึงตายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มีอาการกดเจ็บ (tenderness) กดปล่อยแล้วกดเจ็บ (rebound tenderness) และท้องแข็ง (guarding) ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่

ใช้เครื่องฟังตรวจที่หน้าท้อง จะได้ยินเสียงโครกครากลดน้อยกว่าปกติ หรือแทบไม่ได้ยินเลย

ชีพจรมากกว่า 120 ครั้ง/นาที

บางรายอาจมีอาการช็อก หรือกระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ความดันต่ำ

บางรายอาจมีไข้ขึ้น

แพทย์จะวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเอกซเรย์ และการตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

หากสงสัยแพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล และทำการผ่าตัดอย่างฉุกเฉิน


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ปวดท้องรุนแรง ปวดท้องติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมง หน้าท้องกดเจ็บหรือเกร็งแข็ง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกระเพาะอาหารทะลุ/แผลเพ็ปติกทะลุ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงการซื้อกินยาแก้ปวด หรือยาแก้ปวดข้อมากินเองเป็นประจำ

2. หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัดหรือดื่มเป็นประจำ

3. หากตรวจพบว่าเป็นโรคแผลเพ็ปติก ควรได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างจริงจัง

ข้อแนะนำ

โรคนี้ถือเป็นภาวะร้ายแรง หากสงสัย (เช่น มีอาการปวดท้องรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือปวดนานเกิน 6 ชั่วโมง) ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลด่วน และรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมักจะช่วยให้หายขาดได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้น

หน้า: [1] 2 3 ... 25


























































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย